วิธีดูราคาบอล ดูยังไง? คงเป็นคำถามที่นักแทงบอลใหม่มักจะถามกันเข้ามา เพราะส่วนใหญ่อาจจะยังสับสน หรือไม่เข้าใจว่า ราคาบอล ดูยังไง ราคาบอลแต่ละแบบ หมายความว่าอย่างไร ดังนั้น การศึกษาเรื่อง การดูราคาบอล จึงเป็นสิ่งแรกที่จำเป็นที่สุดสำหรับนักพนันทั้งมือเก่าและมือใหม่ เพราะในการเล่น แทงบอลออนไลน์ กับ เราต้องอ่านราคาบอลให้เป็น และจะต้องรู้และเข้าใจทุกราคา ผู้เล่นหลาย ๆ ท่านจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเดิมพันไปแล้วได้เงินไม่เต็มยอดเงินบ้าง แทงแล้วชนะแต่เสียเงินบ้าง บอลเสมอทำไมเสียเงินครึ่งนึงบ้าง การที่ท่านรู้และเข้าใจราคา จึงถือว่ามีความจำเป็น และสำคัญมาก
หลังจากที่เราเคยนำเสนอบทความเกี่ยวกับ ไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ การ ดูราคาบอล โดยเราจะแบ่งเป็นหัวข้อ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจไม่ว่าจะเป็น ประเภทของการแทงบอล ทั้งบอลเดี่ยว(บอลเต็ง) และ บอลชุด(สเต็ป) , ราคาพูล , ราคาบอลไหล , วิธีดูค่าน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแบบ ราคาบอลมาเลย์ หรือ MY, ราคาบอลฮ่องกง หรือ HK และ ราคาบอลยูโร หรือ EU รวมถึงเราจะ สอนดูราคาบอล วิธีการและเทคนิคต่าง ๆ ที่ท่านควรรู้ ทั้งการดูราคาบอล สูง/ต่ำ เป็นต้น
ประเภทของการแทงบอลออนไลน์
- การแทงบอลเดี่ยว (บอลเต็ง) : เป็นการเลือกแทงบอลว่าทีมไหนจะชนะโดยเลือกทีมใดทีมหนึ่งจากการแข่งขันใน 1 แมตช์ ก็คือการ เดิมพันบอลเพียงแค่คู่เดียวต่อหนึ่งบิล ซึ่งมีโอกาสถูก 50/50 เลยทีเดียว และถ้ามีการวิเคราะห์มาอย่างดี ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสได้รับเงินมากขึ้นด้วย การแทงบอลเดี่ยว หรือบอลเต็งได้รับความนิยมมากที่สุดก็ว่าได้ เนื่องจากมีโอกาสถูกสูง และบรรดาเซียนบอลเอง ก็มักจะเดิมพันรูปแบบนี้กันเป็นหลักด้วย ถึงแม้ว่าจะได้รับเงินไม่มากเหมือนกับการเล่นในรูปแบบอื่นๆ ก็ตาม
- การแทงบอลชุด (บอลสเต็ป) : การแทงบอลชุดหรือบอลสเต็ป สามารถเลือกแทงหลายทีมได้ในบิลเดียว โดยการแทงบอลชุดของทาง TQ88 เริ่มต้นเดิมพันบอล 2 คู่ขึ้นไปต่อหนึ่งบิล ซึ่งแน่นอนว่า การเดิมพันรูปแบบนี้ก็มีโอกาสถูกน้อย แต่ก็แลกกับอัตราการจ่ายเงินที่เยอะมากขึ้น การเดิมพันรูปแบบนี้เหมาะกับคนที่มีทุนน้อย แต่ต้องการอยากจะได้เงินเยอะ และก็ไม่ควรเล่นเกิน 5 คู่ เพราะว่ามันจะทำให้โอกาสในการถูกน้อยลงไปกว่าเดิมอีกด้วย
- ราคาพูล ( 1X2 ) : การเดิมพัน ราคาพูล 1X2 จะเป็นการทายผลผลจากที่คู่เดิมพัน ว่าทีมไหนจะเป็นฝ่ายชนะ หรือทั้งสองทีมจะมีผลการแข่งขันเสมอกัน ซึ่งรูปแบบ 1X2 ก็ยังสามารถวางเดิมพันได้ ทั้งแบบเต็มเวลา 90 นาที หรือ เดิมพันในช่วง ครึ่งเวลา 45 นาที
- 1 = แทงเจ้าบ้านชนะการแข่งขัน ในการแทงบอลแต่ละคู่ใช่ว่าราคาแทงบอลจะเท่ากันโดยตัวย่อสำหรับราคาพูล หมายเลข 1 ก็คือการเลือกว่างเดิมพันว่าในการแข่งขันนี้ทางฝ่ายเจ้าบ้าน H (HOME) จะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน หากว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งราคาก็ลงลดน้อยลง
- X = แทงว่าการแข่งขันนัดนี้ทั้งสองทีมจะเสมอกัน สำหรับราคา X ก็จะใช้ไว้สำหรับวางเดิมพันว่าทั้งสองทีมเสมอกัน สำหรับราคาพูลเสมอหากสังเกตุดีๆจะเห็นว่าอัตราจ่ายจะค่อนข้างสูงนั้นก็เพราะว่าการเลือกทีมชนะนั้นเดาได้ง่ายกว่าเลือกพนันว่าทั้งสองทีมจะจบสกอร์เสมอกัน
- 2 = แทงว่าทางด้านทีมเยือนจะเป็นฝ่ายชนะการแข่งขัน ตัวเลือกสุดท้ายในการแทงบอลราคาพูลสัญลักษณ์ 2 นี้จะหมายถึงผู้เล่นเลือกวางพนันว่าทีมเยือนจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน ราคาจ่ายยิ่งน้อยก็หมายความโอกาสทีมเยือนจะชนะเยอะนั้นเอง
- ราคาบอลไหล : คืออัตราการต่อรองของราคาบอลที่แสดงความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างการแข่งขันของแต่ละคู่ โดยราคาจะเฉลี่ยออกมาเป็นเปอร์เซ็น (%) ตามความเหมาะสมหรือความสูสี ราคาบอลไหลจะมีการ ขึ้น-ลง ตลอดช่วงเวลาของการแข่งขัน หรือจะเรียกได้ว่าวิ่งขึ้นลงได้แบบเรียลไทม์เลยทีเดียว
ค่าน้ำบอลแบ่งออกได้เป็นกี่แบบ และมีความแตกต่างกันอย่างไร
ค่าน้ำบอล คือ ค่าธรรมเนียมที่เจ้ามือจะเก็บจากผู้เล่น โดยตัวเลขที่แสดงจะเทียบจากเงินพนัน 100 บาท ซึ่งค่าน้ำบอล ความหมายของค่าน้ำบอลคือ ส่วนต่างของการเดิมพันที่ทางเจ้ามือพนันหักออกไป หรือเปอร์เซ็นที่ได้เสียจากการแทงบอลนั่นเอง เป็นค่าธรรมเนียมจากเจ้ามือที่เอาไว้เพื่อกำหนดอัตราความคุ้มค่าของการได้-เสีย ในการเดิมพันครั้งนั้น เช่น หากทีมที่คุณเลือกแทงมีค่าน้ำ 0.80 แล้วบอลเข้าตามที่คุณแทงเอาไว้ 100 บาท คุณจะได้เงิน 80 บาท และ 20 ถูกหักออกไปเป็นค่าน้ำ โดยเว็บเดิมพันบอลส่วนใหญ่จะนิยมใช้อยู่ 4 ค่าดังนี้
- ค่าน้ำมาเลย์ หรือที่เรียกว่า My Odds : สำหรับราคาค่าน้ำของมาเลย์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท โดยเรียกว่า ราคาน้ำดำ และ น้ำแดง
- ราคาน้ำแดง จะเป็นราคาที่มีค่าติดลบ หรือบางครั้งหรือบางคนจะเรียกราคานี้ว่า ราคาติดลบ โดยจะมีวิธีในการวางเดิมพัน คือ ถ้าเราวางเดิมพัน น้ำแดง -0.88 บาท ในจำนวนนเงิน 100 บาท ถ้าหากเราเดิมพันผิด เราจะเสียค่าเดิมพัน 88 บาท แต่หากเราถูกรางวัล เราจะได้รับเงินจาก ยอดชนะทั้งหมด 100 บาท โดยการเสียจะต้องเสียราคาตามน้ำนั้นเอง
- ราคาน้ำดำ สำหรับราคานี้จะตรงข้ามเพราะ คือหากคุณเดิมพัน 100 บาท โดยที่มีค่าน้ำทั้งหมด 0.88 บาท หากถูกรางวัล จะรับเงินทั้งสิ้น 188 บาท แต่หากเสียจะได้ต้องเสียทั้งหมด 100 บาท นั้นเอง
- ค่าน้ำฮ่องกง หรือเรียกว่า HK Odds : สำหรับ ราคาค่าน้ำรูปแบบนี้จะไม่มีสีดำและ สีแดงมาให้ เหมือนกับราคาค่าน้ำของมาเลย์ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการวางเดิมพัน 2.5 โดย มีเงินในการวางเดิมพัน 100 ถ้าหากชนะการเดิมพันจะได้รับเงินทั้งสิ้น 125 บาท แต่หากเสียจะเสียทั้งหมด 100 บาท
- ค่าน้ำยุโรป หรือที่เรียกว่า EU Odds : ในราคาของค่าน้ำยุโรปจะแตกต่างจะทั้งสอง ราคาน้ำตรงที่ ในค่านี้จะมีการคิดแบบรวมต้นทุนเข้าไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น เดิมพันทั้งหมด 100 บาท โดยที่มีราคาค่าน้ำอยู่ที่ 3.35 บาท โดยที่หากถูกรางวัล เราจะได้ทั้งหมด 335 บาททันที แต่หากเสียก็จะต้องเสียเต็ม 335 บาทเช่นเดียวกัน
- ค่าน้ำอินโดนีเซีย หรือที่เรียกว่า ID Odds : สำหรับราคาค่าน้ำของ อินโดนีเซีย เป็นการลงเดิมพันเท่าจำนวนที่เราลงเดิมพัน และจะได้กำไรเท่านั้น โดยที่ หากต้องการวงเดิมพันไปทั้งหมด 250 ระบบจะทำการคิดคำนวณให้เอง ว่าจะได้กำไรและสียเท่าไร
จะเห็นได้ว่า ก่อนที่เราจะแทงบอลออนไลน์นั้น ก็ควรทำความเข้าใจเรื่อง วิธีดูราคาบอล ให้เข้าใจเสียก่อน จะได้รู้ว่าเมื่อไหร่ เสียเต็ม หรือ เสียครึ่ง จะได้สามารถบริหารจัดการการเงินได้ถูก ราคาบอล หรือค่าน้ำ ในแต่ละประเภทนั้นก็จะมีความโดดเด่นและให้ผลกำไร ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของนักพนันแต่ละท่าน ว่าชอบจะวางเดิมพันในรูปแบบและประเภทไหน
ราคาทุกรูปแบบทุกประเภทล้วนมีข้อดีของมัน และอย่าลืมว่ามันก็มีข้อเสียของมันด้วยเช่นกัน ดังนั้น ควรจะศึกษาให้ดี ก่อนที่จะทำการลงทุนทุกครั้ง และจะต้องลงทุนกับเว็บที่มีความมั่นคง ในด้านการเงิน และมีบริการรองรับนักพนันตลอด 24 ชั่วโมง